โปรโมชั่นส่งท้ายปี เมื่อสมัคร E-Learning คอร์สใดก็ได้ รับทันที Introduction Course มูลค่า 1, 290. - FREE! ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ. ค. 2021 เท่านั้น ดูรายละเอียดคอร์สและสมัครได้ที่
ศ. 2020 เพราะสีที่เคยใช้อ้างอิงถึงธรรมชาติ กำลังเป็นตัวแทนใหม่ของความแตกต่างและผิดธรรมชาติ เหมือนกับในศิลปะยุคกลางที่มักใช้เป็นสัญลักษณ์เชื่อมโยงกับยาพิษ อสูรกาย หรือปีศาจ สีเขียวพาสเทล (Neo Mint) จะยึดครองพื้นที่ในโลกแฟชั่นและการตกแต่งในปี ค. 2020 เป็นสีโทนสดชื่น เป็นกลางทางเพศ และให้ความรู้สึกลงตัวจากการผสมระหว่างเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และธรรมชาติไว้ด้วยกัน เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2020 The Glocalist: สังคม การเมือง และเศรษฐกิจท้องถิ่น จะมีความสำคัญต่อผู้คนไม่น้อยกว่าเรื่องของทวีปหรือโลก เพราะผู้คนรู้สึกว่ารัฐชาติและรัฐบาลนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือหรือมีอำนาจที่เหมาะสมอีกต่อไป และพวกเขามีความสามารถที่จะยกระดับเรื่องของท้องถิ่นสู่ความเป็นสากลได้ The Hybrid Humanist: ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่าในปี ค.
ในโลกของการทำธุรกิจ หนึ่งในปัจยสำคัญคือเราต้องรู้ว่า "ลูกค้า" ของเราคือใคร ยิ่งเข้าใจชีวิต ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของลูกค้าดีเท่าไร ยิ่งช่วยให้แบรนด์ได้เปรียบในการทำธุรกิจมากขึ้น แต่ถ้าลูกค้าเรามีหลากหลายไปหมด เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาต้องการอะไรบ้าง?
และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอยมาอย่างใจจดจ่อ กับการอัปเดทเทรนด์สีประจำปี ซึ่งแน่นอนว่าถึงคราวของปีหน้าอย่างปี 2022 กันแล้ว ถึงเวลาต้องอัปเดทกับ เทรนด์สีปี 2022 ที่ Creative Thinking ได้ทำการเจาะลึกและวิเคราะห์ออกมา ซึ่งแนวโน้มคาดการณ์เทรนด์สีในปีหน้านี้มีทั้งหมด 7 โทนสีด้วยกัน โดยแต่ละโทนสีนั้นยังคงสะท้อนให้เห็นถึงการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องที่มีเรื่องของดิจิทัล ความหวัง พลังบวก และความมั่นใจ พูดมาขนาดนี้แล้ว…ถึงเวลาที่เราจะไปเจาะลึกถึงเทรนด์โทนสีประจำ 2022 กันดีกว่า!!
ดำเนินมากว่าครึ่งทางแล้วกับ การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เป็นการประชุมของเหล่าผู้นำจาก 196 ประเทศทั่วโลกที่มีข้อตกลงจะร่วมกันทำงานเพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกินกว่า 1. 5-2 องศาเซลเซียส เพื่อระงับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น ไฮไลท์อยู่ที่ "ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก" ให้เหลือสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี ค. ศ. 2050 และจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้เกิน 1.
ในรายงานกล่าวว่า คนเจนนี้เป็นเจนแห่งการต่อสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลง เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และเพื่อขับเคลื่อนสังคม เป็นเจนที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แถมยังปรับตัวเข้ากับสถานการณ์เก่ง. 73% ของคนเจนนี้ติดโซเชียลมีเดีย ทว่าก็ยังเกิดความโดดเดี่ยวไม่แพ้เจนอื่นๆ เราจึงเห็นเจนนี้ใช้กิจกรรมวันหยุดโดยการออกไปคาเฟ่ ดำน้ำ หรือตั้งแคมป์ ที่น่าสนใจคือ 77% ยังสนใจเรื่องเครื่องดื่มใหม่ๆ เป็นพิเศษอีกด้วย ดังนั้นธุรกิจร้านกาแฟหรือร้านชานมไข่มุกควรให้ความสนใจเจนนี้เป็นพิเศษ. เจนนี้ยังมีความเครียดสะสม ความวิตกกังวล ความเหงา และอาการเบิร์นเอาท์สูง เป็นเพราะอยู่ในช่วงอายุที่ต้องมีความรับผิดชอบหลายๆ ด้าน ประกอบกับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาด ดังนั้นเจนมิลเลนเนียลจึงสนใจเรื่องสุขภาพจิตและสุขภาพกายกันมาก ช่องทางที่จะช่วยผ่อนคลายและช่วยรักษา Work-Life Balance จึงเป็นที่สนใจของคนเจนนี้ ตัวอย่างเช่น วิดีโอเสียง ASMR ช่วยคลายเครียด อาหารคลีน หรือคอร์สฟิตเนสออนไลน์. ชาวมินเลนเนียลมักจะรู้สึกเฉยๆ กับการตลาดแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะสนใจเป็นพิเศษหากสินค้าหรือบริการถูกรีวิว เพราะคนเจนนี้มักจะตัดสินใจจากรีวิว จากรูปในอินสตาแกรม หรือคำแนะนำจากเพื่อน การศึกษาพบว่ากว่า 68% ของชาวมิลเลนเนียลจะไม่ตัดสินใจซื้อจนกว่าจะได้ปรึกษาเพื่อนหรือคนที่ไว้ใจเสียก่อน.
รายงานของ TCDC ระบุว่าชาวเจเนอเรชันเอกซ์สนใจเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่าย ดังนั้นหากธุรกิจคุณมี "ของสมนาคุณ" หรือ "บัตรสะสมแต้ม" จะถูกใจคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษเพราะพวกเขาชอบความคุ้มค่า. ในสถานการณ์โรคระบาด คนวัยนี้มีความกังวลสูงกว่าคนวัยอื่น เพราะต้องกังวลทั้งสุขภาพตัวเอง สุขภาพของพ่อแม่วัยเบบี้บูมเมอร์ และของลูกเล็กจากเจเนอเรชันซี ไหนจะเรื่องการงานของตัวเอง ค่าใช้จ่าย และความสัมพันธ์อีก รายงานของ KPMG รายงานว่า 75% ของคนรุ่นนี้กังวลเรื่องความสำเร็จของลูก 42% เครียดเรื่องงาน และอีก 40% เหนื่อยล้ากับการพัฒนาตนเอง. แม้จะชอบซื้อสินค้าราคาพิเศษและดีลดีๆ เป็นนิสัย แต่ชาวเจนนี้ก็มีการซื้อของให้ตัวเองตามอำเภอใจหรือที่เราเรียกกันว่า "Retail Therapy" เช่นกัน รายงานจาก Digital Meida Solutions พบว่าเจนเอกซ์ใช้จ่ายไปกับการช็อปมากที่สุดในช่วงโควิดและหลังสถานการณ์คลี่คลาย มีจำนวนไม่น้อยที่เลือกตัวเลือก "ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง" ด้วย (Buy Now Pay Later) เท่านั้นยังไม่พอ ผลการศึกษายังพบอีกว่าคนเจนเอกซ์มี Brand Loyalty สูงกว่าเจนอื่นๆ ด้วย เรียกได้ว่าถ้าแบรนด์ไหนถูกใจแล้วคงไม่มีเปลี่ยนใจไปอุดหนุนแบรนด์อื่นง่ายๆ. ช่องทางที่คนวัยนี้นิยมใช้คือ Facebook และ Youtube (81% และ 71%) ส่วนผลิตภัณฑ์ที่สนใจคือ "อาหารเสริม" รายงานจาก International Foundation of Integrated Care พบว่าคนเจเนอเรชันนี้ที่อายุ 45 ปีขึ้นไป สนใจอาหารเสริมอย่างมากโดยเฉพาะวิตามิน A และแคลเซียม.. 3) มิลเลนเนียลส์ (Millennials) หรือคนที่เกิดในปี 1981-1996.
หน้าที่ไหนควรเป็นของคนและหน้าที่ไหนควรเป็นของหุ่นยนต์?