DHA (Docosahexaenoic Acid) หรือดีเอชเอ เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์ มีหน้าที่สำคัญในการทำงานของระบบประสาทและสมอง DHA จึงเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์และทารก พบมากในปลาทะเลน้ำเย็น เช่น ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น และพบได้บ้างในเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ รวมถึงไข่ไก่อีกด้วย DHA มีประโยชน์อะไรบ้าง?
ปลาแซลมอน เป็นปลาที่มี DHA ปริมาณสูงที่สุดในบรรดาปลาทั้งหมด พยายามเลือกหาแซลมอนที่มาจากแหล่งธรรมชาติมากกว่าจากฟาร์มหรือการเลี้ยงแบบระบบปิด เพราะปลาแซลมอนที่มาจากธรรมชาตินั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างโอเมก้า 3 สูงกว่าแซลมอนทั่วไป 2. ไข่ปลา มี DHA สูง1. 3 ถึง 1. 7 มิลลิกรัมต่อไข่ปลา 100 กรัม (ทั้งนี้ค่าของ DHA ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาด้วยนะคะ) 3. เนยถั่ว เป็นอาหารรับประทานง่ายที่เด็ก ๆ หลายคนชอบ นับเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย DHA เช่นกัน ลองทาเนยถั่วบนขนมปัง เป็นขนมให้ลูกน้อยรับประทานเล่นแทนขนมหวานสำเร็จรูปทั่วไปดู จะยิ่งเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหาร เพราะเด็ก ๆ จะได้รับทั้ง DHA โปรตีน และวิตามินบี 4.
ทานตะวัน จอมขวัญใจ หมอหน่อย จาก Dr. Noi The Family (Tantawan Jomkwanjai. MD) #ประโยชน์ของDHA #DHAกับคนท้อง #คนท้องต้องกินDHAหรือไม่ #คนท้องต้องกินDHAเท่าไหร่
อัปเดตเมื่อ 31 ธ. ค. 2564 แน่นอนว่าแม่ๆ คงเคยได้ยินประโยชน์ของ DHA ในช่วงที่ตั้งครรภ์มาไม่มากก็น้อย แต่แม่ๆ เข้าใจมันดีแค่ไหน แล้วทำไม DHA ถึงมีความสำคัญและควรทานเสริม เพิ่มเติมจากอาหารที่ทานในแต่ละวัน D HA มีประโยชน์อย่างไร? สำคัญในคนท้องอย่างไร? แล้วควรทาน DHA วันละเท่าไหร่ต่อวัน? วันนี้หมอหน่อยจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังค่ะ DHA เป็นส่วนหนึ่งของ Omega-3 ซึ่งเป็น Essential fatty acids ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ซึ่ง Omega-3 มีความสำคัญต่อการสร้างผนังเซลล์ของร่างกาย การขนส่งพลังงานระดับเซลล์ รวมถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันด้วย โดย Omega-3 จะมีส่วนประกอบสำคัญคือ DHA และ EPA ตัว DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญมากๆ ต่อการสร้างผนังเซลล์ของสมองและจอประสาทตา ส่วน EPA ก็มีความสำตัญต่อกระบวนการลดการอักเสบและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำไม DHA ถึงสำคัญในช่วงตั้งครรภ์?
โอเมก้า 3 โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมัน ที่เป็นสิ่งที่สำคัญในการทำงานของสมอง เพราะมีส่วนช่วยในการพัฒนาเนื้อเยื่อ และยังเป็นสารตั้งต้นที่สำคัญของ DHA และ ARA อีกด้วย ซึ่งก็จะทำให้ไปเพิ่มการเจริญเติบโตของสมองอีกด้วย โดยโอเมก้า 3 พบได้มากใน อาหารทะเล และปลาน้ำจืดบางสายพันธุ์ แต่การเลือกรับประทานโอเมก้าก็ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมเท่านั้น 4. โอมาก้า 6 โอเมก้า 6 เป็นกรดไขมันที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง และช่วยเสริมสร้างเซลล์ประสาท โดยสามารถพบได้มากในน้ำมันพืช แน่นอนว่าการรับเอาโอเมก้า 6 เข้าร่างกายก็ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม จึงจะสามารถไปเสริมสร้างการทำงานของเนื้อเยื่อ และระบบประสาทได้ 5. ลูทีน ลูทีน เป็นสารอาหารประเภท แคโรทีนอยด์ ซึ่งเจ้า แคโรทีนอยด์ก็เป็นสารที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ในเรตินาได้ ซึ่งจะไปบำรุงการทำงานของ DHA และพยายามรักษา DHA ไว้ให้มากที่สุด โดยลูทีนนั้นมีมากในน้ำนมแม่ และผักใบเขียว ตังนั้นการให้ลูกอดื่มนม จึงเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ลูกได้รับการพัฒนาที่สายตาและสมองได้ด้วย 6. โคลีน โคลีน เป็นวิตามินที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาของสมอง โดยจะไปโยงในส่วนของความจำและการเรียนรู้ ซึ่งทำให้เซลล์ประสาทสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโคลีนสามารถพบได้มากใน ไข่แดง ถั่วลิสง และผักใบเขียว ทั้งหมดสามารถหารับประทานได้ง่ายมากๆ และยังช่วยในการทำงานของสมองด้วย 7.