63 of 10, จากจำนวนคนโหวต 48 คน นิ่วในไตและท่อไต ส่งผลให้ผู้ที่เป็นมีอาการปวดรุนแรงเป็นช่วง ๆ บริเวณข้างลำตัวและหลัง รวมทั้งคลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้ โรคไต นิ่วในไต นิ่วในไตและท่อไต อ่านเพิ่มเติม
7 อาการผิดปกติ ส่งสัญญาณเตือน "กรวยไตอักเสบ" โรคนี้เป็นได้ทุกวัย และหากปล่อยไว้นานอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย ถ้าอยู่ ๆ ก็ปวดบั้นเอวขึ้นมาอย่างหนัก นี่อาจไม่ใช่แค่ปวดเมื่อยธรรมดาค่ะ ยิ่งถ้าเกิดร่วมกับอาการผิดปกติที่ระบบทางเดินปัสสาวะก็อาจสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า ตอนนี้สุขภาพไตกำลังมีปัญหาแน่ ๆ และหนึ่งในอาการที่ทำให้ปวดบั้นเอวก็คือ "กรวยไตอักเสบ" ซึ่งโรคนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้อยู่เหมือนกันถ้าปล่อยให้เรื้อรัง วันนี้กระปุกดอทคอมเลยจะพาไปสำรวจอาการของโรคพร้อมวิธีรักษาและป้องกันเบื้องต้น กรวยไต อยู่ตรงไหน? กรวยไต (Renal pelvis) เป็นส่วนที่อยู่เหนือสุดของท่อไต ซึ่งยื่นเข้าไปในเนื้อไต มีรูปร่างเป็นรูปกรวย ลักษณะเป็นโพรง ทำหน้าที่รองรับและกักเก็บปัสสาวะที่กรองออกมาแล้วจากไต ก่อนปล่อยลงสู่ท่อไตแล้วลงไปที่ท่อปัสสาวะ กรวยไตอักเสบ สาเหตุเกิดจาก? เมื่อพูดถึงการอักเสบแสดงว่าต้องมีการติดเชื้อ ซึ่ง กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) ก็คือภาวะที่เนื้อไตและกรวยไตติดเชื้อจนอักเสบ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลุกลามขึ้นมาจากกระเพาะปัสสาวะ ผ่านเข้ามาทางท่อไต ทั้งนี้เชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยคือ แบคทีเรีย ชนิด อีโคไล (E. Coli) ซึ่งมักปนเปื้อนมากับอุจจาระจึงแพร่กระจายเข้าท่อปัสสาวะได้ หากเข้าไปที่ท่อปัสสาวะจะทำให้มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่หากเชื้อลุกลามขึ้นไปตามท่อไต จนถึงกรวยไต ก็จะทำให้เป็นกรวยไตอักเสบได้ ซึ่งการติดเชื้อดังกล่าวอาจเป็นที่กรวยไตข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างพร้อมกันก็ได้ กรวยไตอักเสบ ใครเสี่ยง?
ค. 26 พ. ย. 19 พ. ย. 21 ต. ค. ปัญหาสุขภาพ วัย 30+ รู้หรือไม่หลังอายุ30ปีเราจะต้องเจอกับปัญหาสุขภาพอะไรบ้างแล้วต้องเตรียมรับมือกับโรคภัยเ.. 17 ต. ค.
ยาปฏิชีวนะควรใช้หากคุณติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไตจะทำให้ปัสสาวะที่คั่งค้างอยู่กลับขึ้นไปที่ไต ซึ่งจะทำให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ ถ้าเป็นกรณีนี้แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะให้คุณ [15] ยาปฏิชีวนะทั่วไปที่ใช้กับการติดเชื้อประเภทนี้ได้แก่ ไตรเมโทพริม ไนโตรฟูแรนโทอิน ไซโปรฟลอกซาซิน และเซฟาเลกซิน หากเป็นการติดเชื้อเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง ผู้ชายควรรับประทานยาเป็นเวลา 10 วันและผู้หญิงควรรับประทานยา 3 วัน รับประทานยาปฏิชีวนะให้หมดตามที่แพทย์สั่งเสมอแม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นแล้วและอาการจะหายไปแล้วก็ตาม 6 เลี่ยงการรับวิตามินซีมากเกินไป. โดยทั่วไปวิตามินซีมีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของการรักษาบาดแผลให้หายและกระบวนการสร้างกระดูก แต่วิตามินซีในปริมาณที่มากเกินไปจะถูกเปลี่ยนเป็นออกซาเลตในไต ซึ่งออกซาเลตนี้จะกลายเป็นนิ่ว เพราะฉะนั้นคุณจึงไม่ควรได้รับวิตามินซีมากเกินไปหากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นนิ่วในไต หรือมีคนในครอบครัวเคยเป็นนิ่วมาก่อน [16] คนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วจากแคลเซียมออกซาเลตควรจำกัดปริมาณการบริโภคอาหารที่มีออกซาเลตสูง เช่น บีต ช็อกโกแลต กาแฟ โคล่า ถั่วเปลือกแข็ง พาร์สลีย์ ถั่วลิสง รูบาร์บ ผักปวยเล้ง สตรอว์เบอร์รี่ ชา และรำข้าวสาลี [17] 7 ดื่มน้ำแครนเบอร์รี่เป็นประจำ.
3. ผิวหนังมีอาการคันแห้ง ไตที่แข็งแรง จะช่วยขจัดของเสียและของเหลวส่วนเกินออกจากกระแสเลือด และช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและรักษาสมดุลของแร่ธาตุในร่างกาย ถ้าผิวของคุณมักจะแห้งคันอาจเป็นเพราะไตไม่สามารถรักษาความสมดุลของแร่ธาตุได้ อาจส่งผลร้ายแรงนำไปสู่โรคกระดูกและโรคไตได้ ถ้าผิวของคุณแห้งและคันทันทีให้ลองดื่มน้ำให้มากๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 4. มีกลิ่นปากหรือปากที่มีรสโลหะ เมื่อของเสียเข้าไปอุดตันในเลือด ส่งผลให้สามารถเปลี่ยนรสชาติของอาหาร และทำให้ปากมีรสโลหะได้ หากมีสารพิษหรือของเสียที่มากเกินไปในเลือด ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักรู้สึกเบื่ออาหารและทำให้น้ำหนักลดลง แต่ถ้าคุณได้รับการรักษาแล้ว ยังมีรสชาติโลหะในปากอยู่อีก แนะนำให้ไปหาหมอเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป! 5. หายใจถี่ เมื่อระบบการทำงานของไตผิดปกติ น้ำส่วนเกินในร่างกายก็จะเข้าสู่ปอด ในขณะเดียวกันโรคโลหิตจางก็จะใช้ออกซิเจนในร่างกายไปหมด ทำให้หายใจลำบากได้ อย่างไรก็ตามความล้มเหลวของไตวาย, โรคมะเร็งปอดหรือหัวใจล้มเหลวอาจทำให้หายใจถี่ได้ หากคุณมักจะหายใจไม่ออกคุณควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด! 6. มือและเท้าข้อเท้าบวม ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตไม่สามารถถ่ายเทของเหลวส่วนเกินในร่างกายได้ ทำให้โซเดียมยังคงตกค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมที่มือและเท้าและข้อเท้า อาการบวมที่ส่วนล่างของร่างกายอาจเกิดจากโรคหัวใจ, ตับ หรือเส้นเลือดขอดได้ บางครั้งยาสามารถลดระดับเกลือและล้างของเหลวส่วนเกินในร่างกายได้ หากไม่เกิดประโยชน์ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาด้วยวิธีอื่นต่อไป 7.
ปวดเอว อาการ ปวดเอว ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากนั่นกำลัง เป็นสัญญาณเตือน ที่บอกถึง อาการที่เกี่ยวกับ ความผิดปกติของไต ที่อาจส่งผลอันตราย ไปในระยะยาว หากผู้ที่มีอาการปวดเอว เพิกเฉย และไม่คอยสังเกตุอาการ อย่างต่อเนื่อง 1. นิ่วในไต มีอาการปวดบีบเกร็ง เป็นพักๆ บริเวณเอว ในบางรายอาจ มีอาการปวดเล็กน้อย หรือรุนแรงก็ได้ ปวดร้าวไปบริเวณท้องน้อย มีอาการปวดท้องบริเวณบั้นเอว ร่วมกับมีอาการ ปัสสาวะปนด้วยตะกอนนิ่ว ปัสสาวะขัด ปัสสาวะเป็นเลือด มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย สาเหตุ – เกิดจากผู้ที่ดื่มน้ำน้อย และสูญเสียเหงื่อมาก – การรับประทานอาหาร ที่มีโซเดียมสูง แคลเซียมสูง โปรตีนสูง ฯลฯ – ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคมะเร็ง โรคเกาต์ ฯลฯ – ผู้ที่ทานยาบางชนิด เป็นประจำ 2. เนื้องอกในไต กรวยไตอักเสบ มักมีอาการเกิดขึ้น อย่างเฉียบพลัน มักมีอาการปวดเอวด้านหลัง ร่วมกับปวดท้อง มีอาการไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน เวลาปัสสาวะจะรู้สึกเจ็บ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น สีขุ่นปนเลือด รู้สึกท้องโต ความดันโลหิตสูง ขาบวม – ผู้มีเป็นโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง – ผู้ที่สูบบุหรี่ – เกิดจากพันธุ์กรรม 3. ฝีในไต มีอาการปวดอย่างรุนแรง บริเวณเอว ร่วมกับอาการ หายใจไม่สม่ำเสมอ ชีพจรเต้นเร็ว ปวดศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะเจ็บ เหนื่อยง่าย – ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคปวดบวม โรคหัวใจ ฯลฯ – การได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ไต – ระบบสืบพันธุ์ได้รับการบาดเจ็บ – ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด 4.