เปิดแผงแจ้งเตือน ขั้นตอนที่ 2. ปัดนิ้วลงด้านล่าง ขั้นตอนที่ 3.
หากพูดถึงการชาร์จแบตให้กับ iPhone ตามปกติคุณคงนึกถึงการชาร์จโดยสาย Adapter และหากต้องเดินทางไปไหนมาไหน ก็ต้องพึ่งพาแบตเตอรี่สำรองหรือ Power Bank นี่คือสิ่งที่หลายคนทำกันทั่วๆ ไป แต่ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เรียกว่า การชาร์จแบบไร้สาย หรือ Wireless Charger ซึ่งจะพบได้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ โดยนับเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในยุคไร้สายแบบนี้ ซึ่งหลายคนอาจยังมีคำถามว่า ทำไมเราต้องใช้งานการชาร์จไร้สาย เพราะเสียบสายแบบเดิมก็โอเคดีอยู่แล้ว วันนี้เรามีคำตอบมาบอกครับ ว่าอะไรคือเหตุผลที่บอกว่าการมี Wireless Charger เป็นของตัวเอง มันทำให้ชีวิตเราสะดวกขึ้น 1. ไม่ต้องพกสายชาร์จและ Adapter อีกต่อไป เพียงคุณมี Wireless Charger และสมาร์ทโฟนของคุณรองรับการชาร์จแบบไร้สาย แค่วาง iPhone ลงบนที่รองชาร์จ ก็สามารถชาร์จแบตได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องไม่ต้องมานั่งพกนั่งม้วนสายชาร์จ ให้พันกันยุ่งอีกต่อไป เพียงเท่านี้ iPhone ของคุณก็จะมีแบตเตอรี่ที่พร้อมใช้งาน แถมดีไซน์ของ Wireless Charger ในยุคนี้ก็ออกแบบมาให้พกพาได้สะดวกมากๆ นำติดตัวไปไหนมาไหนได้แบบไม่ลำบากเลย 2. พกอันเดียวชาร์จได้หลายเครื่อง Wireless Charger รุ่นใหม่ ๆ สามารถรองรับการชาร์จพร้อมกันสูงสุดได้ถึง 2 เครื่อง โดยที่ชาร์จด้วยกำลังไฟเท่าเดิม เรียกได้ว่าพก Wireless Charger ไปตัวเดียวก็ใช้งานได้มากขึ้น ไม่ต้องพกสายชาร์จไปหลายอัน นี่คือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ 3.
ระบบชาร์จไร้สายที่รวดเร็วกว่า หลายคนอาจมองว่าการชาร์จไร้สายนั้นใช้เวลานานกว่าจะเต็ม แต่ขอบอกว่ามันไม่ใช่อีกแล้วครับ อยากให้มาสัมผัสประสบการณ์การชาร์จด้วยระบบ Qi ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของการชาร์จแบบไร้สาย สามารถจ่ายไฟให้กับ iPhone ของคุณได้ถึง 7. 5 วัตต์ ซึ่งจากเดิมหากชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ปกติ จะจ่ายไฟได้เพียงแค่ 5 วัตต์ เรียกได้ว่ารวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้สายปกติ แถมในบางรุ่นสามารถจ่ายไฟได้ถึง 10 วัตต์ เลยด้วย รวดเร็วทันใจจริงๆ 4. Accessories อื่น ๆ ก็สามารถชาร์จร่วมกันได้ นอกจาก iPhone แล้ว Accessories อื่น ๆ ก็สามารถใช้การชาร์จแบบไร้สายได้เช่นกัน ได้แก่ Apple Watch และ Airpods เพียงแค่มี Wireless Charger เครื่องเดียว คุณก็สามารถชาร์จแบตให้อุปกรณ์ทั้งหมดของคุณได้เลย แบบที่ไม่ต้องพกอุปกรณ์ชาร์จแต่ละแบบให้ยุ่งยาก ชีวิตง่ายขึ้นอีกเยอะ 5. รองรับอีกหลายอย่างในอนาคต โลกของเรากำลังก้าวไปสู่ยุคไร้สายอย่างแท้จริง จะเห็นได้จากทุกวันนี้นวัตกรรมต่างๆ เน้นการใช้งานไร้สายหมดแล้ว และเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกอุปกรณ์จะสามารถชาร์จแบบไร้สายได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากเรามี Wireless Charger อยู่กับตัวตั้งแต่ตอนนี้ มั่นใจได้เลยว่าจะใช้งานได้ยาวๆ ซื้อครั้งเดียวแล้วคุ้มค่า รองรับเทคโนโลยีใหม่ในยุคนี้นั่นเอง เป็นไงบ้างครับสำหรับประโยชน์ของการมี Wireless Charger ไว้ใช้งานสักตัว มันจะทำให้ชีวิตเราสะดวกมากขึ้นขนาดนี้ หากใครที่สนใจจะหาซื้อ ลองเข้าไปสัมผัสและลองใช้งานกันได้ที่ Studio 7 ทุกสาขานะครับ แล้วติดตามเรื่องราวโปรดักส์ดีๆ กันได้ที่นี่ต่อไปครับ
ระหว่างแท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger แบบธรรมดา หรือ MagSafe ดีกว่ากัน?
Q: ขั้นตอนการชาร์จไร้สายแบบด่วน A: คุณสามารถชาร์จเครื่องของคุณได้เร็วขึ้นโดยใช้คุณสมบัติการชาร์จไร้สายแบบด่วน ในการใช้คุณสมบัตินี้ คุณต้องใช้เครื่องชาร์จและส่วนประกอบที่รองรับคุณสมบัติการชาร์จไร้สายแบบด่วน หากไม่ได้เปิดใช้งานคุณสมบัติการชาร์จไร้สายแบบด่วน ให้ทำการเปิดใช้งานโดยเข้าไปที่ "การตั้งค่า" __- เลือก "การบำรุงรักษาอุปกรณ์" __- เลือก "แบตเตอรี่" __- เลือก "การตั้งค่าขั้นสูง" และจากนั้นสัมผัสสวิตช์ การชาร์จแบบไร้สายด่วน เพื่อเปิดใช้งาน การชาร์จแบตเตอรี่ 1. ต่อเครื่องชาร์จเข้ากับแท่นชาร์จแบบไร้สาย เมื่อเครื่องชาร์จถูกเชื่อมต่ออย่างถูกต้องกับแท่นชาร์จแบบไร้สายไฟแสดงสถานะกะพริบเป็นสีฟ้าสีเขียวและสีฟ้าและจากนั้นจะดับลง 2. วางตัวเครื่อง Galaxy Note8 ไว้ที่กึ่งกลางของเครื่องชาร์จแบบไร้สายให้ตำแหน่งตรงกัน ตรวจสอบไอคอนการชาร์จที่แสดงอยู่บนหน้าจอเพื่อดูสถานะการชาร์จ เวลาในการชาร์จโดยประมาณจะปรากฏบนหน้าจอ ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จจริงอาจแตกต่างกันตามสภาพในการชาร์จ 3. หลังจากชาร์จจนเต็มแล้ว ให้ถอดเครื่องออกจากแท่นชาร์จแบบไร้สาย
ถ้ามีคุณก็สามารถใช้งาน Wireless Charger ได้ทันที แต่ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนหรือ iPhone รุ่นเริ่มต้น ระดับกลาง ส่วนใหญ่จะไม่รอบรับ คุณก็ต้องซื้อ อุปกรณ์เสริม ที่เป็นแผ่นชาร์จไร้สายมาติดตั้งก่อนถึงจะใช้งานได้ครับ และนี่ก็คือ แท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger ของแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งเราได้รวบรวมรีวิว ให้คุณเห็นถึงคุณสมบัติและจุดเด่นต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจซื้อไปใช้งานได้ง่ายขึ้นครับ ที่ชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) มีประโยชน์อย่างไร?